การประยุกต์คณิตศาสตร์เพื่อชีวิตประจำวันกับโครงงาน
นักศึกษาหลายท่านไม่เข้าใจในการประยุกต์ใช้งานคณิตศาสตร์ กับโครงงานตัวเอง ก็ไม่เป็นไรครับค่อยเรียนรู้กันไป อาจารย์มีแนวทางในการที่ให้นักศึกษาได้ลองคิดถึงวิธีการประยุกต์องค์ความรู้ในสาขาวิชาต่าง ๆ เข้ามาในชีวิตประจำวัน ตลอดจนหน้าที่การงาน ผมให้แนวทางไว้ดังนี้
นักศึกษาลองมองดูว่างานตัวเองที่ทำเป็นงานอะไร
มีวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานอย่างไร
แล้วเราใช้เครื่องมืออะไรในการเก็บรวบรวมข้อมูล
แล้วเรานำข้อมูลนั้นมาทำอย่างไรเพื่อให้ได้คำตอบตามวัตถุประสงค์ของงาน
เมื่อเรารู้วิธีการว่าจะทำอย่างไรกับข้อมูลเพื่อให้ได้คำตอบที่ตั้งไว้
อันนั้นแหละเป็นกระบวนการทำงานทั้งหมดให้บรรลุวัตถุประสงค์
เราก็จะได้ว่า เราจะเอาองค์ความรู้ที่เล่าเรียนมาใช้ตอนไหนได้มั่ง
นักศึกษาลองศึกษาจากภาพประกอบที่แนบมานี้
หากไม่เข้าใจในจุดไหน ก็ลองกลับไปดูที่งานตัวเองสักหนึ่งงาน
ทั้งหมดทั้งมวลนี้เราเรียกว่าการมองภาพองค์รวม
ซึ่งจะทำให้เราวางแผน หรือปฏิบัติงานได้ดี
อย่ากรอบความคิดตัวเองเหมือนรั้วบ้าน จงเดินออกมาจากบ้าน จงยกรั้วบ้านออก สำรวจสิ่งรอบ ๆ บ้าน ให้สามารถถ่ยเทซึ่งกันและกันได้ แล้วจะเกิดความคิดแตกฉาน ไม่มีที่สิ้นสุด
วันจันทร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2553
วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2553
ความคิดดี ๆ กับสิ่งที่ดี ๆ
ความคิดดี ๆ
จากถอยออกมายืนดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ?
คิดแบบคนวิทยาศาสตร์แบบผม
ก็คงต้องค้นหาสาเหตุแห่งการเกิดสิ่งเหล่านี้ต่อไป
ทุกสิ่งมันเกิดจากเหตุ แล้วเกิดผลตามมา แล้วดันไปเป็นต้นเหตุของแต่สิ่งต่าง ๆ ต่อมาเป็นทอด ๆ
ก็เข้าใจได้ว่า มันเป็นวิวัฒนาการของสังคมมนุษย์
มันคงไม่หยุดแค่นี้ครับ
เพราะมันมีเหตุ มันย่อมเกิดผล แล้วแต่ว่าสังคมจะเลือกเส้นทางในการเดินไปทางไหน
แต่ละคนยอมรับความคิดของบุคคลอื่นได้หรือไม่
สังคมย่อมเป็นสังคม คนที่มีอุดมการณ์ มีความคิดคล้ายกัน ก็จะไปรวมตัวกัน
ส่วนคนที่คิดต่างก็ต้องไปหากลุ่มของตนเอง
แล้วแต่ละกลุ่มจะอยู่รวมกันเป็นประเทศได้อย่างไร ?
ใครจะเป็นผู้ประสานตรงนี้
ไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูก
ความผิดถูก คน ๆ นั้น เป็นผู้กำหนด หรือว่าสังคมเป็นผู้กำหนด หรือระเบียบกฎเกณฑ์เป็นผู้กำหนด
ฟ้าดินกำหนดไม่ได้ ผู้คนในสังคมต่างหากเป็นผู้กำหนด ระดับที่ตัวเองยอมรับได้
ผู้สร้างกฎ มักเข้าข้างตัวเอง (มองไปย้อนเข้าไปในประวัติศาสตร์(ประวัติศาสตร์หรือนิยายก็ไม่รู้))
อดีตเอาไว้เป็นบทเรียน สอนตัวเอง
ปัจจุบันทำให้ดีที่สุด เพื่อเป็นพื้นฐานของอนาคต
อนาคตจะดีหรือไม่ดี ขึ้นกับปัจจุบัน เพราะฉะนั้น ปัจจุบันทำให้ดีที่สุดเพื่ออนาคต
จากถอยออกมายืนดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ?
คิดแบบคนวิทยาศาสตร์แบบผม
ก็คงต้องค้นหาสาเหตุแห่งการเกิดสิ่งเหล่านี้ต่อไป
ทุกสิ่งมันเกิดจากเหตุ แล้วเกิดผลตามมา แล้วดันไปเป็นต้นเหตุของแต่สิ่งต่าง ๆ ต่อมาเป็นทอด ๆ
ก็เข้าใจได้ว่า มันเป็นวิวัฒนาการของสังคมมนุษย์
มันคงไม่หยุดแค่นี้ครับ
เพราะมันมีเหตุ มันย่อมเกิดผล แล้วแต่ว่าสังคมจะเลือกเส้นทางในการเดินไปทางไหน
แต่ละคนยอมรับความคิดของบุคคลอื่นได้หรือไม่
สังคมย่อมเป็นสังคม คนที่มีอุดมการณ์ มีความคิดคล้ายกัน ก็จะไปรวมตัวกัน
ส่วนคนที่คิดต่างก็ต้องไปหากลุ่มของตนเอง
แล้วแต่ละกลุ่มจะอยู่รวมกันเป็นประเทศได้อย่างไร ?
ใครจะเป็นผู้ประสานตรงนี้
ไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูก
ความผิดถูก คน ๆ นั้น เป็นผู้กำหนด หรือว่าสังคมเป็นผู้กำหนด หรือระเบียบกฎเกณฑ์เป็นผู้กำหนด
ฟ้าดินกำหนดไม่ได้ ผู้คนในสังคมต่างหากเป็นผู้กำหนด ระดับที่ตัวเองยอมรับได้
ผู้สร้างกฎ มักเข้าข้างตัวเอง (มองไปย้อนเข้าไปในประวัติศาสตร์(ประวัติศาสตร์หรือนิยายก็ไม่รู้))
อดีตเอาไว้เป็นบทเรียน สอนตัวเอง
ปัจจุบันทำให้ดีที่สุด เพื่อเป็นพื้นฐานของอนาคต
อนาคตจะดีหรือไม่ดี ขึ้นกับปัจจุบัน เพราะฉะนั้น ปัจจุบันทำให้ดีที่สุดเพื่ออนาคต
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)